วัสดุที่ใช้ในการผลิตเทวรูป

วัสดุที่ใช้ในการผลิตเทวรูป

 | 

                     ในชีวิตประจำวันเราพบเจอสินค้าหลากหลายประเภทหลากหลายชนิดซึ่งแน่นอนว่าต้องมีข้อแต่ต่างกัน เทวรูปที่ผลิตจากวัสดุที่คนละชนิดกันก็ย่อมมีความแตกต่างเช่นเดียวกัน จึงขอแบ่งชนิดวัสดุที่ใช้ผลิตเป็น 2 ชนิดหลักๆคือ

                     วัสดุที่มาจากธรรมชาติ

                                เทวรูปที่ทำมาจากวัสดูที่มาจากธรรมชาติจำพวก ดิน หิน ไม้ เหล็ก ทองแดง ทองสำริด ทองคำ เทวรูปจะความสามารถในการเชื่อมโยงผู้บูชากับองค์เทพได้ดี ยิ่งเป็นวัสดุพิเศษที่หายาก เช่น ไม้กลายเป็นหิน หินภูเขาไฟ เหล็กไหล จะมีพลังสูงมาก หรืออาจจะเป็นการผสมมวลสารที่เป็นมงคลต่างๆเข้าไปในเทวรูป ก็จะเพิ่มพลังของเทวรูปได้ดีเช่นกัน เพราะวัสดุที่มาจากธรรมชาตินั้นมีพลังปราณ หรือพลังแฝงอยู่ แต่ วัสดูจากธรรมชาติใช่จะดีหมดทุกอย่าง วัสดุธรรมชาติที่มาจากการเบียดเบียนผู้อื่นไม่ว่ากรณีใดๆนั้นยอมไม่ส่งผลดีต่อเทวรูปและผู้บูชาแน่นอนเพราะวัสดุที่ได้มานั้นจะเต็มไปด้วยความอาฆาต พยาบาท ความโกรธ ความแค้น เช่น กระดูกสัตว์ กระดูกมนุษย์ ไม้ที่ได้จากการตัดไม้ทำลายป่าซึ่งส่งผลเสียต่อส่วนรวม วัสดุที่ได้มาจากการแก่งแย่งจากผู้อื่น เทวรูปที่ทำมาจากวัสดุเหล่านี้หรือมีผสมมาแม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยจะส่งผลที่ไม่ดีกับเทวรูป ทางไสยศาสตร์ เรียกว่า วัตถุอาถรรพณ์ เป็นสิ่งที่ไม่มงคลจะนำพามาซึ่งความวิปโยค เพราะมวลสาร  วัสดุเหล่านี้ไม่เอื้อต่อิพิธีกรรมใดๆทั้งสิ้น ไม่สามารถบรรจุบารมีและเทวานุภาพของเทพเจ้าได้ แต่จะสามารถรับพลังงานของพวกผีชนิดต่างๆได้ ถ้าหากนำมาบูชาก็จำได้พลังจากผีชั้นต่ำเท่านั้น

                                ถ้าหากวัสดุที่ใช้ตกแต่งเสริมเพิ่มเติมเป็นพวกอัญมณีชนิดต่างๆ เช่น ทับทิม มรกต บุษราคัม เป็นต้น ควรพิจารณาสอบถามให้ดีก่อนเพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อดวงชะตาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และควรที่จะดูตำแหน่งการวางว่าถูกหลักฮวงจุ้ยหรือไม่

                                กล่าวถึงวัสดุธรรมที่ทำจากโลหะ โลหะไม่ว่าจะเป็นทองแดง สำริด เหล็ก หรืออื่นๆนั้น คือวัสดุธรรมชาติที่ผ่านการแปรรูปมาซึ่งการแปรรูปนี้ทำให้สัวดุจำพากนี้มีพลังที่ดีขึ้นสูงขึ้น ทั้งยังมีความคงทนซึ่งวัสดุทางธรรมชาติอื่นๆเทียบไม่ติด แต่การสร้างเทวรูปนั้นได้มาจากการหล่อจากแม่พิมพ์ซึ่งแท้ว่าแม้การหล่อจะสวยงาม คมชัดแค่ไหน แต่จะไม่ได้รับพลังปราณเหมือนกับเทวรูปแบบแกะสลักที่พลังนั้นเกิดจากความตั้งใจของช่างฝีมือหรือผู้แกะสลัก เพราะพลังปราณนั้นมีแต่ในเทวรูปที่เป็นต้นแบบเท่านั้น ไม่สามรถถ่ายทอดผ่านทางแม่พิมพ์ได้

                                การหล่อเทวรูปจากโลหะที่มีคุณภาพต่ำ เช่น ทองเหลือง ถึงแม้แม่พิมพ์ จะมีความคมชัดแค่ไหน แต่วัสดุคุณภาพต่ำ งานที่ออกมาก็จะมีรายละเอียดที่ไม่ครบตามแบบ บ้างส่วนลบเลือน บางส่วนขาดหายไป ซึ่งจะมีการนำไปตกแต่งเพื่อกลบรอยตำหนิเหล่านั้น แต่ก็ไม่สามารถทำได้สมบุรณ์นัก เทวรูปที่มีรอยตำหนิอย่างนี้ก็จะไม่สามารถเชื่อมโยงถ่ายทอดพลังระหว่างผู้บูชากับองค์เทพดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว หากเทวรูปที่หล่อมาจากโลหะคุณภาพสูง งานที่ออกมาก็จะออกมาได้สวยสดงดงาม รอยตำหนิอาจมีบ้างแต่น้อยมาก ซึ่งราคาก็ย่อมสูงมากตามคุณภาพของงานที่ออกมา ไม่ใช่ราคี่สูงจากวัสดึคุณภาพดีอย่างเดียวแต่วัสดุดีๆเหล่านั้นย่อมต้องมีกระบวนการการจัดการอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการถลุงการแปรรูป ซึ่งราคาเทวรูปก็จะเพิ่มสูงขึ้นมาอย่างมาก 

                     วัสดุที่ได้จากการสังเคราะห์

                                วัสดุสังเคราะห์พวก เรซิ่น ไฟเบอร์กลาส ซิลิกา มักถูกพวกที่อนุรักษ์นิยมดูถูกว่าเป็นตุ๊กตา แต่วัสดุทั้ง3 นี้กลับเป็นที่นิยมในปัจจุบัน  พระเกจิอาจารย์ในเมืองไทยได้นำมาสร้างพระพุทธรูป เทวรูป รูปเคารพต่าง ตั้งนานแล้ว การปลุกเสกบางทีทำได้ดีกว่าเทวรูปโลหะหลายๆชนิดอีกแม้ว่าจะไม่มีปราณที่มาจากธรรมชาติในตัว เพราะว่าวัสดุสังเคราะพวกนี้เมื่อทำการถอดมาจากแบบแม่พิมพ์ก็จะมีความคมชัดสูง รอยตำหนิน้อย ซึ่งตรงตามลักษณะเทวรูปที่ดีดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว แต่ก็สู้เทวรูปที่ใช้โลหะคุณภาพดีในการผลิตซึ่งโลหะคุณภาพดีจะถอดแบบมาจากแม่พิมพ์แล้วได้ความคมชัดเหมือนกับเทวรูปจากวัสดุสังเคราะห์แต่มีปราณพลังธรรมชาติในตัวเพราะเป็นวัสดุธรรมชาติซึ่งเป็นข้อได้เปรียบ แต่เทว   รูปจากวัสดุสังเคราะห์ก็มีข้อได้เปรียบในเรื่องของน้ำหนักที่พอเหมาะกว่าไม่เบาไปหนักไป ข้อที่ได้เปรียบอีกข้อคือเทวรูปจากวัสดุสังเคราะห์ ระบายสีได้สวยงามกว่าเทวรูปโลหะ แต่ก็มีการกำจัดข้อด้อยเรื่องการขาดพลังปราณจากธรรมชาติโดยการผสมมวลสารจากธรรมชาติเข้าไปด้วย

                ข้อเสียของเทวรูปสังเคราะห์ก็คือไม่ทนไฟ แตกหักง่าย แต่ข้อเสียเรื่องไม่ทนไฟก็คือข้อเสียเดียวกับเทวรูปที่แกสลักจากไม้ ซึ่งเทวรูปไม้น้อยมากที่จะแกะออกมาได้ความคมชัดเช่นเดียวกับเทวรูปสังเคราะห์ที่ออกมาจากแบบพิมพ์ ซิ่งแน่นอนว่าเทวรูปสังเคราะห์ย่อมมีพลังการเชื่อมโยงการถ่ายทอดพลังที่ดีกว่า ส่วนข้อเสียในเรื่องความเปราะแตกหักง่ายนั้นก็ตรงกับข้อเสียของเทวรูปที่ทำมาจาก ปูนปั้น ดิน แต่ข้อเสียนี่ก็ไม่ค่อยอยากนับให้เป็นข้อเสียสักเท่าไรเพราะถึงแม้จะเป็นเทวรูปโละหะที่มีความคงทนตกไม่แตกถึงจะไม่แตกแต่ก็บิ่นก็ทำให้พลังลดลงได้

     ดังนั้นการพิจารณาเทวรูปก็ควรพิจารณาจากวัสดุเพราะวัสดุที่ใช้แตกต่างกันนั้นก็สงผลได้ให้เทวรูปที่ออกมามีความสามารถที่แตกต่างกันแต่สิ่งสำคัญนั้นเทวรูปที่เลือกมาบูชานั้นไม่ควรได้จากการเบียดเบียนผู้อื่นทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยเด็ดขาด